ท่านถาม-เราตอบ ปี ๒๕๕๕

sent: friday, december 7, 2012 12:40 pm
to:
subject: ตรวจสอบองค์เทพ และ ถามในสิ่งที่สงสัยค่ะ

-----original message-----

sent: thursday, december 6, 2012 7:17 am
to: webmaster at ongtep.com
subject: re: สอบถามความรู้กับท่านอาจารย์หมอยาค่ะ

กราบเรียนอาจารย์หมอยาอีกครั้งค่ะ ขอบพระคุณมากๆนะคะได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมายเลยค่ะ ดิฉันพิมพ์ผิดไปว่าคนมีองค์กับมีเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือ แบบเดียวกันอันนี้ดิฉันทราบค่ะ ว่าความหมายเหมือนกันค่ะพอดีพิมพ์ผิดไปประโยคหนึ่งค่ะ-ที่เคยถามค่ะว่าคนมีองค์กับคนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองคือแบบเดียวกันหรือป่าวคะ? มีคนสองแบบนี้หรือป่าวคะ?ระหว่างคนมีองค์ก็อย่างหนึ่ง กับคนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพคุ้มครองเฉยๆอย่างหนึ่งค่ะ

ขออภัยนะคะที่ทำให้สับสนค่ะ รบกวนท่านอาจารย์ตรวจดูองค์เทพให้หนูด้วยได้มั๊ยคะ? ยังสับสนในตัวเองอยู่ค่ะว่า เป็นแค่คนที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพคุ้มครองหรือว่ามีองค์กันแน่คะ?

ชื่อ นางสาว พลอยปภัส สุปินะ(ชื่อเดิม อรุณี ทองจันทร์) เกิด ที่จังหวัดลำปางค่ะ
ขอให้ท่านอาจารย์มีบารมีสูงยิ่งๆขึ้นนะคะ
ด้วยความเคารพท่านอาจารย์หมอยา

ตอบ คนมีองค์และได้ทำการบูชาเทพ ก็ได้รับการคุ้มครองครับ เหมือนคนไทยทำบัตรประชาชนย่อมได้รับ การคุ้มครองด้านต่างๆเช่นประกันสังคม ประกันสุขภาพ เป็นต้นครับ
     คนมีองค์ ไม่ทำการบูชา เหมือนเกิดเป็นคนไทย แต่ไม่ทำบัตรประชาชนก็เป็นคนเถื่อน แถมไม่เข้าเรียนหนังสือเมื่ออายุครบเกณท์ (เรียนรู้ในการปฏิบัติตน) ก็จะกลายเป็นคนเถื่อนครับ
     เป็นคนพุทธแท้ๆ จะมีกี่คนที่เข้าในภาษาบาลีครับ อาจารย์ขอให้ทุกท่านทำความเข้าใจว่า หากท่านเป็นคนพุทธ เรานับถือพระพุทธเจ้าสูงสุดอยู่ในใจครับ ส่วนเทพเปรียบเสมือนครูอาจารย์หนึ่งในครูทั้งห้าให้วางไว้เหนือหัวครับ เพื่อให้เป็นคนที่มีจิตใจที่ดีงาม ด้วยธรรมครับ การมีครูไว้ที่หัวให้รู้จัก นำคำสอนของครูไปคิดทบทวนให้เกิดปัญญา จะได้นำพาชีวิตตัวเองหรือคนในครอบครัว ประกอมสัมมาชีพเลี้ยงตนได้สุขสบาย เรียกว่ารู้คิด รู้ทำครับ... เอวังด้วยประการเช่นนี้ครับ

-----original message-----

sent: thursday, december 6, 2012 2:45 am
to:
subject: สอบถามความรู้กับท่านอาจารย์หมอยาค่ะ

สวัสดีค่ะ -กราบเรียนท่านอาจารย์หมอยาที่เคารพ
ดิฉันอยากได้ความรู้ค่ะเคยได้ยินมาว่า

๑. ว่าคนมีองค์ไม่จำเป็นต้องเป็นร่างทรง
ตอบ คนมีองค์ เป็นชะตาฟ้าลิขิต อย่างไรเสียชีวิตก็มักจะหนีไม่พ้นสิ่งลี้ลับ การไหว้ครู บนบานศาลกล่าว ส่วนในเรื่องของการจะลงทรงหรือไม่ คงต้องดูองค์ประกอบอื่นๆร่วมด้วยครับ

๒. คนที่เป็นร่างทรงไม่จำเป็นต้องมีองค์มาก่อนใช่หรือป่าวคะ?
ตอบ คนที่เป็นร่างทรง จำเป็นต้องมีองค์หรือได้รับการตรวจพบว่ามีองค์เทพจริง ไม่มีแล้วลงทรงเรียกว่าลงดิบครับ

๓. แล้วคนมีองค์กับคนที่มีเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือแบบเดียวกันหรือป่าวคะ?
ตอบ ความหมายเดียวกันครับ

๔. แล้วถ้าเกิดว่า คนมีองค์แต่ไม่อยากเป็นหมอดูหรือร่างทรง อยากใช้ชีวิตปกติธรรมดาตามประสามนุษย์

ตอบ อนุโมทนาครับ คนมีองค์ไม่อยากเป็นหมอดูหรือร่างทรง ก็งดบูชาเทพทุกชนิด ไหว้พระอย่างเดียวครับ

๕. แต่เน้นปฎิบัติและดำเนินตามทางสายกลางของพุทธศาสนา หรือพระพุทธเจ้าชีวิตก้อรุ่งเรื่องและประสบความสำเร็จได้ใช่หรือป่าวคะ?
ตอบ อนุโมทนาครับ ตามหลักการเราเดินทางสายกลางของพุทธศาสนา เรียกว่ามีมงคลแก่ชีวิต มีความสุขอันเป็นสมถะ หากต้องการความรุ่งเรือง คงต้องไปดูที่ความพยายามในการประกอบสัมมาอาชีพครับ จะรุ่งเรืองหรือยากจน รันทดหรือสุขสม ขึ้นกับกรรมที่มีมาแต่อดีตและกรรมในปัจจุบัน พระเจ้าท่านไม่ลงมายุ่งเกี่ยวในส่วนนี้ครับ เพราะถือว่าเป็นวัฏสงสารซึ่งมีบัญญัติไว้ถึง๓๑ ภูมิดังนี้ด้านล่างครับ ท่านจะไม่มายุ่งเกี่ยวด้วยว่าคำว่า ดับแล้ว นิพพานแล้วย่อมปล่อยวางทุกสิ่งครับ ดังนั้นอาจารย์จึงมีคำกล่าวไว้ว่า หากท่านใดไม่มีใจ นับถือองค์เทพ คือไม่มีศรัทธา ไม่เชื่อมั่น และยังสงสัยอยู่ ก็ไม่ต้องทำการบูชาเทพเทวดา ไหว้แต่พระอย่างเดียวครับ อย่าดึงเอาพระพุทธศาสนามาเป็นเครื่องมือ ความเคารพ นับถือไม่สามารถบังคับกันได้ครับ
1.นิรยะ คือนรก ยังแยกออกเป็นขุม ๆ อีกมากมายหลายขุม
2.ดิรัจฉานโยนิ กำเนิดดิรัจฉาน คือสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย
3.ปิตติวิสัย คือแดนเปรต ก็มีอีกมากมายหลายจำพวก
4.อสุรกาย พวกอสูร คือไม่ใช่เทพเทวดาหรือพรหม
5.มนุษย์ คือชาวมนุษย์เช่นเราเช่นท่าน และยังมีมนุษย์ที่ไม่เป็นเช่นเราท่านอีก 3 ทวีป
มนุษย์เช่นเราเช่นท่านเรียกว่ามนุษย์ชมพูทวีป คือ
มนุษย์อุตตรกุรุทวีป มนุษย์ผู้มีศีล 5 (ปัญจศีล) เป็นวิสัย เช่น มนุษย์ลับแลบังบด
มนุษย์อมรโคยานทวีป พวกอยู่ในอากาศเหมือนเทพชั้นจาตุมหาราชิกา
มนุษย์ปุพพเทหทวีป เทพในสวรรค์ประเภทผิดอาญาสวรรค์มาอยู่ อาจเป็นพวกเทพที่ยังยึดติดอยู่กับทรัพย์สมบัติในโลกมนุษย์เช่น ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ หรือพวกเทพที่ยังห่วงลูกหลาน ตัดไม่ขาดเช่นผีเหย้าผีเรือน เป็นต้น
6.สวรรค์ชั้นที่ 1 คือ จาตุมหาราชิกา มี 4 เทพท้าวมหาราชปกครองในสี่ทิศ
7.สวรรค์ชั้นที่ 2 คือ ดาวดึงส์ แดนแห่งเทพ 33 องค์เป็นใหญ่ มีท้าวสักกะเป็นเทวราช
8.สวรรค์ชั้นที่ 3 คือ ยามา เป็นเทพที่มีจิตรักษาศีลบริสุทธิ์เช่นพวกรักษาอุโบสถศีล
9.สวรรค์ชั้นที่ 4 คือ ดุสิต แดนแห่งเทพผู้เอิบอิ่มด้วยสิริสมบัติคือบารมีของตน อันเป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย
10.สวรรค์ชั้นที่ 5 คือ นิมมานรดี แดนแห่งเทพผู้ยินดีในการเนรมิต เป็นที่อยู่ของพวกที่ให้ทานไว้มาก ประสงค์สิ่งใดก็เนรมิตเอาได้
11.สวรรค์ชั้นที่ 6 คือ ปรนิมมิตวสวัสตี แดนแห่งเทพที่มีเทพอื่นเนรมิตให้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นไว้มาก เมื่อประสงค์สิ่งใดก็จะมีผู้คอยเนรมิตให้เสมอ
12.รูปพรหมชั้นที่ 1 คือ พรหมปาริสัชชา เป็นพวกบริษัทบริวารมหาพรหม
13.รูปพรหมชั้นที่ 2 คือ พรหมปุโรหิตา พวกปุโรหิตมหาพรหม(ที่ปรึกษาของมหาพรหม)
14.รูปพรหมชั้นที่ 3 คือ มหาพรหม พวกท้าวมหาพรหม
15.รูปพรหมชั้นที่ 4 คือ ปริตตาภา พวกพรหมมีรัศมีน้อย
16.รูปพรหมชั้นที่ 5 คือ อัปปมาณาภา พวกพรหมมีรัศมีประมาณไม่ได้
17.รูปพรหมชั้นที่ 6 คือ อาภัสสรา คือ พวกพรหมมีรัศมีสุกเปล่งปลั่งซ่านไป
18.รูปพรหมชั้นที่ 7 คือ ปริตตสุภา คือ พวกพรหมมีลำรัศมีงามน้อย
19.รูปพรหมชั้นที่ 8 คือ อัปปมาณสุภา คือ พวกพรหมมีลำรัศมีงามประมาณมิได้
20.รูปพรหมชั้นที่ 9 คือ สุภกิณหา คือ พวกพรหมมีลำรัศมีงามกระจ่างจ้า
21.รูปพรหมชั้นที่ 10 คือ เวหัปผลา คือ พวกพรหมมีผลบริบูรณ์
22.รูปพรหมชั้นที่ 11 คือ อสัญญีสัตว์ คือ พวกพรหมเป็นสัตว์ซึ่งไม่มีสัญญา(มีรูปแต่ไม่มีชีวิต ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า อายตนะ)
23.รูปพรหมชั้นที่ 12 คือ อวิหา คือ พวกพรหมผู้ไม่เสื่อมจากสมบัติของตน หรือผู้ไม่ละไปเร็ว ผู้คงอยู่นาน
24.รูปพรหมชั้นที่ 13 คือ อตัปปา คือ พวกพรหมผู้ไม่ทำความเดือดร้อนแก่ใคร ๆ หรือผู้ไม่เดือดร้อนกับใคร
25.รูปพรหมชั้นที่ 14 คือ สุทัสสา คือ พวกพรหมเหล่าผู้งดงามน่าทัศนา
26.รูปพรหมชั้นที่ 15 คือ สุทัสสี คือ พวกพรหมผู้ที่เห็นได้ชัด
27.รูปพรหมชั้นที่ 16 คือ อกนิฏฐา คือ พวกพรหมผู้สูงสุด
28.อรูปพรหมชั้นที่ 1 คือ อากาสานัญจายตนภูมิ คือ พวกพรหมที่ไม่มีรูป เพราะเข้าถึงอากาศไม่มีที่สิ้นสุด
29.อรูปพรหมชั้นที่ 2 คือ วิญญาณัญจายตนภูมิ คือ พวกพรหมที่ไม่มีรูป เพราะเข้าถึงภาวะมีวิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด
30.อรูปพรหมชั้นที่ 3 คือ อากิญจัญญายตนภูมิ คือ พวกพรหมที่ไม่มีรูป เพราะเข้าถึงภาวะที่ไม่มีอะไรเลย
31.อรูปพรหมชั้นที่ 4 คือ เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ คือ พวกพรหมที่ไม่มีรูป เพราะเข้าถึงภาวะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่(ไม่มีรูป แม้ชีวิตก็เกือบไม่มี ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า อายตนะ)

๖. เพราะบางคนมีองค์แบบต้องแลกเปลี่ยนเหมือนที่เว๊บอาจารย์เคยยกตัวอย่างเช่น ปัญหาชีวิต หรือสุขภาพ และอื่นๆๆอีกมากมาย
ตอบ เหตุที่บางท่านนับถือเทพเทวา เพราะปฏิบัติตามข้อ ๕ ด้านบนแล้ว แต่ชีวติยังมืดมน รันทด ไร้ซึ่งหนทาง ก็แสวงหาทางเลือกอื่นๆเพิ่มเติม ก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัวครับ เพราะมิได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นแต่ถ้านับถือเทพเทวาแล้วยังไปสร้าง ความเดือดร้อนให้คนอื่นหรือสังคมที่ตัวเองอยู่ แบบนี้ไม่เรียกว่า การบูชาเทพแต่เป็นสัมภเวสีมากกว่าครับ คนไม่เคยเจ็บ ไม่เคยจน ไม่เคยโดนพี่น้องคดโกง ไม่เคยโดนกระทำย่ำยี ไม่เข้าใจหรอกครับว่า เจ็บ คืออะไร ของทุกอย่างมีดี มีเสียในตัวครับอยู่ที่ผู้ปฏิบัติเป็นสำคัญ ว่าเข้าใจถึงเจตนารมณ์ ในการปฏิบัติบูชาหรือไม่ ต้องด้วยศรัทธา มิใช่งมงาย ต้องด้วยความนับถือ มิใช่ด้วยความโลภอยากได้อยากรวยครับ หากปฏิบัติแล้วขาดผู้ชี้แนะไม่นานก็ออกนอกลู่นอกทาง หรือหลงผิดได้ครับ จึงมีคำว่า อาบัติในลักษณะต่างๆกันบัญญัติไว้ครับ

๗. แต่ถ้าบางคนไม่มีปัญหาชีวิตอะไรเลยแต่มีเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองก้อ ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนเพียงแต่ยิ่งปฎิบัติชีวิตก้อจะรุ่งเรื่อง
ตอบ เป็นคุณลักษณะพิเศษ เช่นเกิดมารวย ปัญญาเป็นเลิศ แถมเป็นคนดี ยังไงก็รุ่งเรืองครับ แต่จะมีสักกี่คนครับที่มีโอกาสเช่นนี้ครับ ของสามอย่างที่เงินซื้อไม่ได้ครับ รักแท้ พรสวรรค์ อายุขัย ครับ

ดิฉันเข้าใจถูกใช่มั๊ยคะ? รบกวนให้ความรู้หน่อยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

sent: wednesday, december 5, 2012 7:30 am
to:
subject: รบกวนท่านอาจารย์หมอยาช่วยตรวจดูองค์เทพให้หน่อยนะครับ