เจ็ดประการที่ควรมี ศรัทธา ความหวัง ความเมตตา คาวมพอประมาณ ความสุขุม ความเข้มแข็งและความยุติธรรม
คนที่หาความเจริญมิได้ คบไปก็เป็นเสนียดจัญไรแก่ตน
คนเรื่อยเปื่อยยอมเขาไปหมดทุกเรื่อง
คนไม่จริงจัง รับปากใครก็เสียการ เกี่ยงงานทุกชนิด
คนมีความสามารถไม่กล้าแสดงออก เหมือนเต่าหดหัว
คนกลับกลอกหน้าไหว้หลังหลอก
การ อาบน้ำมนต์ การเป็นศิษย์มีครู การได้อาบน้ำมนต์กับครูอาจารย์ของตน เพื่อขจัดปัดเป่าเสนียดจัญไร ธรณีสารแลอุบาทว์ต่างๆ ...... เสริมสิริมงคล เสริมบารมีขับ ไล่คุณของคุณไสย์ แลเป็นการเข้ารับการตรวจจากอาจารย์ถึงการปฏิบัตของตัวเองว่า ยังดีอยู่หรือไม่ครับ การได้ใกล้ชิดอาจารย์ก็เป็นกุศโลบายที่ดีเพราะ ศิษย์ทุกท่านก็จะประพฤติตนดี ยามมาอาบน้ำมนต์จะได้ไม่มีที่สงสัยครับ........
อาจารย์ขออำนวยอวยพร ศิษย์ทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านและศึกษาบทความจาก www.ongtep.com สำหรับลิ้งค์ของหน้านี้เป็นเรื่องของการขอเข้ารับการอาบน้ำมนต์ เป็นกิจกรรมภายในระหว่างศิษย์กับครู หรือท่านที่มารับการตรวจดวงชะตา มีความประสงค์ขอรับการอาบน้ำมนต์ ซึ่งอาจารย์จะพิจารณาเป็นรายบุคคลไปครับ กิจกรรมในบทนี้เป็นภาพรวมเรื่องราวของการอาบน้ำมนต์ ซึ่งในช่วงนั้นๆ เป็นอาจารย์กำลังประกอบพิธีเพื่อเป็นอานิสงน์แก่ศิษย์ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ประการหนึ่ง จนถึงกาลอันควรจึงหยุดลง จะมีบ้างก็นานๆครั้งหรือเป็นกรณีพิเศษ ภาพเหล่านี้ เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำที่ศิษย์ท่านหลายควรภาคภูมิใจที่ท่านได้มาร่วมพิธีในวันและเวลานั้นๆครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------
ประวัติวันครู วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 ตรงกับปีที่อาจารย์เกิดครับ พ.ศ.2500 ปีระกา ถือว่าวันที่ ๑๖ มกราคมของทุกปีเป็นวันครูแห่งชาติครับ ปี๒๕๖๐ ตรงปีระกาอีกหนึ่งครั้งครับ
ส่วนวันไหว้ครูที่จัดขึ้นตามสถานศึกษา จะยึดเอาวันพฤหัสบดีแรกของเดือน มิถุนายน ของทุกปีเป็นเกณท์ครับ
ไหว้ครูมีเคล็ดไว้ว่า
หนึ่ง ให้รู้จักพลิกแพลงในทุกสถานการณ์ รู้จักการเอาตัวรอด
สอง ให้เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ เป็นบุคคลที่สังคมยอมรับในทางที่ดี
สาม ให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นผู้มีวาจาสัตย์
สี่ ให้เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ ปัญญาเฉียบแหลมและใช้ไปในทางที่ดี
---------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องของน้ำมนต์แบ่งเป็นสามประเด็นดังนี้
๑. พระพุทธเจ้า ท่านสั่งห้ามไว้เรื่องการทำน้ำมนต์โดยคิดว่าล้างบาปกรรม เสริมความร่ำรวย เสริมเสน่ห์ยาแฝด เพราะเป็นเดรัจฉานวิชา เป็นเรื่องของความอยากได้อยากมี หากพระท่านใดฝ่าฝืนกระทำย่อมต้องอาบัติ แต่ในขั้นไม่รุนแรง
๒. น้ำมนต์ใน ลักษณะ ถอดถอน ล้างบาป ทำเสน่ห์ เสริมเสน่ห์ เรียกความร่ำรวย เป็นเดรัจฉานวิชา เป็นเรื่องของฆราวาส เรื่องของไสย์เวทย์ วิชา
๓. การหลั่งทักษิโณทก เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์เป็นลักษณะ กรวด เท หรือพรม เป็นเสมือนแค่การบ่งบอกให้ทราบว่าการกระทำนั้นเป็นการเสร็จพิธี หรือสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ถือเป็นเดรัจฉานวิชา
การ อาบน้ำมนต์ การเป็นศิษย์มีครู การได้อาบน้ำมนต์กับครูอาจารย์
ของตน เพื่อขจัดปัดเป่าเสนียดจัญไร ธรณีสารแลอุบาทว์ต่างๆ ......
เสริมสิริมงคล เสริมบารมีขับ ไล่คุณของคุณไสย์ แลเป็นการเข้ารับ
การตรวจจากอาจารย์ถึงการปฏิบัตของตัวเองว่า ยังดีอยู่หรือไม่ครับ
การได้ใกล้ชิดอาจารย์ก็เป็นกุศโลบายที่ดีเพราะ ศิษย์ทุกท่านก็จะ
ประพฤติตนดี ยามมาอาบน้ำมนต์จะได้ไม่มีที่สงสัยครับ........
ทุกสิ่งอย่างจะสำเร็จได้ด้วย จิตของศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ...
ตั้งมั่นในศรัทธา.. เชื่อมั่น.. ไม่สงสัย.. ในครูอาจารย์
ตั้งใจสวดมนต์.. รำลึกถึงพระพุทธคุณ.. ขอให้เย็นชุ่มฉ่ำดุจน้ำอมฤต
เป็นขวัญ กำลังใจ ให้มีมานะกับอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง...ได้อย่างง่ายดาย
กลับไปขอให้มีแต่สิริมงคล... โชคดีทุกประการด้วยจิตใจที่เบิกบานครับ
--------------------------------------------------------------------------
อันว่าด้วยน้ำมนต์ เป็นนัยต์ว่า ด้วยธาตุทั้งสี่ อันได้แก่ดิน น้ำ ลม ไฟ เรียกว่า น้ำมนต์ธาตุสี่ อาศัยบรมครูทางจิตวิญญาณมนต์ตรา เป็นสิ่งที่เราควรเคารพบูชา กล่าวกันไว้ว่า
พระพุทธเจ้า หลักธรรมคำสอน และมนต์ตรา เป็นพลังแห่งพุทธคุณ
พระนบีมูฮัมหมัด ซึ่งเป็นทุกสรรพสิ่ง สามารถนำพาท่านพบความสงบ สันติสุข
ท่านขงจื้อ ซึ่งสามารถนำพาเราให้ สามารถเข้าใจ ทุกสรรพสิ่ง (พระคัมภีร์ต่างๆ)
พระแม่ธรณี ปฐวีธาตุ(ดอกบัวพร้อมเครื่องเคียง)
พระแม่คงคา อาโปธาตุ(น้ำสะอาด)
พระอัคคี เตโชธาตุ(ไฟ)
พระพาย วาโยธาตุ(พระคาถา)
น้ำมนต์จะเกิดอานิสงน์ ปาฏิหาริย์ ก็ด้วยปัจจัยต่างๆดังนี้
ผู้ประกอบพิธีนั้น ว่าด้วยกำเนิดมาด้วยฤกษ์ยามเฉพาะ ปีนักษัตริย์เฉพาะ
ได้มีการสวดมนต์ประกอบพิธีพร้อมด้วยศิษยานุศิษย์
ผู้มาร่วมพิธีมีจิตใจอันเคารพครูอาจารย์ผู้ประกอบพิธี
สิ่งที่เตรียมมาปรุงเป็นกษัยในน้ำมนต์
ลิ้งค์ครับ
ในศาสนาพราหมณ์มีความเชื่อเรื่องแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เช่น แม่น้ำคงคา ซึ่งเชื่อกันว่าไหลมาจากสวรรค์ผ่านเศียรของพระศิวะ
(ช่วยให้กระแสน้ำอ่อนลง มิเช่นนั้นก็จะท่วมโลก) จึงกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ล้างอวมงคล ชำระจิตใจของบุคคลผู้นั้นให้บริสุทธิ์
ในศาสนาพุทธ จุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่น้ำมนต์ หากแต่อยู่ที่คุณงามความดี อีกทั้งเรื่องของน้ำมนต์ก็ไม่ใช่หลักคำสอนของ
พุทธศาสนาโดยตรง เพียงเพื่อเรียกสติ ขวัญหรือสำนึกผิดชอบชั่วดีให้กลับมาสู่บุคคลผู้นั้น ให้ดำรงอยู่ในศีลห้าด้วยความไม่
ประมาท