ตรวจพบว่ามีองค์


ความในใจของคณะผู้จัดทำ

สำหรับทุกท่านที่มาขอรับการตรวจองค์เทพ เมื่อทราบผลการตรวจว่าเป็นผู้มีองค์ ควรศึกษาทำความเข้าใจ ไม่ควรใจเร็วด่วนได้ไปรับขันธ์ ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายครับ เมื่อได้ทำการศึกษา ไปสักระยะท่านจะสามารถกำหนดทิศทางของศรัทธาท่านว่าเป็นอย่างไร อย่ามาด้วยเหตุผล อยากเป็นผู้วิเศษ ละโมบ อย่าเอาศาสนามาเปรียบกับความเลื่อมใสในองค์เทพ ท่านใดไม่มีศรัทธาในด้านนี้ จงไปเวบอื่น ความเลื่อมใส ศรัทธาแตกต่างกันใช่ว่าต้องเป็นมาร เป็นผี ไม่มีอะไรดี-เสียเพียงด้านเดียวครับ มีอนุโมทนา ก็มีอาบัติเช่นกัน ท่านใดที่ประพฤติให้เป็นที่เสื่อมเสีย กับสิ่งที่ท่านบูชา สวรรค์ย่อมลงโทษครับ..... สำหรับผู้ที่มาเดินสายเทพ ศึกษา หรือปฏิบัติ แม้กระทั่งบางท่านเป็นเจ้าตำหนัก หากท่านอายุยังเยาว์ คงต้องระวังรักษา และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะทางสายเทพมิใช่ทางหลุดพ้น ท่านใดหลงไหล ตกบ่วงกิเลส ตัณหา จะคว่ำขันธ์ครูตัวเอง ผิดพรหมจรรย์กับศิษย์ มักใหญ่ใฝ่สูง ขาดสำนึกผิดชอบชั่วดี ก็จะผิดครูในที่สุดและไม่สามารถพ้นคำสาปแช่งว่า ปิศาจเดินดินครับ........

ท่านที่เข้ามาขอรับการตรวจองค์เทพจะเห็นว่า การทำนายของเวบนี้...เป็นของฟรี...ก็มีมากครับ 
๑ ท่านที่กระทู้เข้ามาส่วนมากมีการรับขันธ์หรือ ได้รับการทักทายมาจากที่ต่างๆเป็นทุนเดิมครับ 
๒ ท่านเหล่านั้นมาหาความมั่นใจเพิ่มเติมรับ 
๓ เท่าที่ผ่านมาเมื่อท่านเหล่านั้นได้รับคำทำนาย ก็หาได้ปักใจเชื่อไม่ว่ามีองค์เทพดัง ที่ตอบไปครับ จึงไปต่อ ยอดยังที่อื่นๆ เมื่อ ได้ประจักแก่ตนเองแล้วจึง มีเมล์ มาบอกกล่าว ขอบคุณก็มีอยู่เสมอครับ 
๔ เนื่องจากว่าเป็นการตรวจฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย บางท่านเลยคิดต่อว่าหรือดูแคลนครับ หากคิดเงิน ท่านก็ว่าหวังอยากได้หรือหลอกลวงครับ การทำความดีบางครั้งก็ยากครับ 
๕ มั่นใจได้เลยครับว่าตั้งใจตรวจให้ทุกท่านครับ 

๖ กรุณาอย่าถามว่า เทพอะไรคงต้องขออภัยครับไม่ทราบว่า จะแนะนำเช่นไรครับ เพราะต้องใช้ การคำนวณในทางโหราศาสตร์ซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยากพอสมควร และจะเป็นที่ ครหานินทาและเข้าใจผิดกันได้ครับ ขออย่าได้ถือโทษโกรธเคืองนะครับ 
๗ หมอยาไม่ได้เปิดตำหนักหรือเป็นคนทรงแต่อย่างไรครับ จึงไม่ส่วน ได้เสียในการ บูชาเทพของท่านครับ 
๘ บางท่านมีถามเข้ามาแบบว่าชี้นำว่าตนเองมี และหมอยาว่าไม่มีก็มีครับ 
๙ หมอยาได้อธิฐานตนตอนรับขันธ์ต่อครูอาจารย์ว่า ขอให้ดูดวงแลตรวจองค์มีความเที่ยงตรง ขอเจริญในองค์เทพองค์ญาณครับ ..บุญกุศลที่ได้ อาจารย์หมอยา ขออุทิศให้แก่ คุณพ่อคุณแม่ ท่านอาจารย์แก้ว จันทร ครูเทพเทวา ครูพ่อปู่ฤาษี ครูบาอาจารย์ ครับ

หาก หมอยาทำนายว่าท่านมีองค์เทพแต่องค์เทพไม่เปิดหรือหวง ร่างเช่นนี้จะง่ายแก่ผู้ทำนายและไม่ต้องถูกท่าน สงสัยเป็นการโยนความรับ ผิดชอบไปไว้ที่ตัวเจ้าของดวงครับ  ความ เป็นไปได้อีกประการคือเมื่อได้ทำการขับดาว ของท่านถอยหลังเพื่อดูบุญบารมี..หากท่านมีบุญ บารมีสูง..อาจวิเคราะห์เป็นสาเหตุว่าการมีเทพ ของท่านเป็นกรณีพิเศษแต่มิใช่ผู้มีองค์เทพครับซึ่งกรณีนี้..หากผู้ทำนายเห็นลักษณะการวางดวง ก็จะทำการขับดาวหรือแจ้งให้ท่านไปทำการผูก ดวงชะตาให้เป็นเรี่องเป็นราวครับ 

 เมื่อท่านได้มาตรวจองค์เทพในเวบนี้แล้ว...ได้รับคำตอบว่าท่านมีองค์เทพ ข้อควรปฏิบัติเบื้องต้น
๑. ท่านสามารถไปขอรับการตรวจองค์เทพเพิ่มเติม... ได้จากเวบไซต์อื่นๆที่ให้บริการ.. หรือการตรวจในลักษณะอื่นๆ สิ่งที่ควรทำ ไม่สมควรพาดพิงเวบองค์เทพดอทคอม.. เพราะท่านได้ทำการสาบานไว้ เมื่อมาขอรับการตรวจเบื้องต้นแล้ว เพราะผลแห่งการกระทำในความอยากรู้ อาจส่งผลเสียให้เกิดการแตกความสามัคคีได้ครับ
๒. ให้ทำการศึกษา หาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งทางเวบองค์เทพดอทคอม ก็มีข้อมูลต่างๆมากพอสมควร
๓. บางท่านใจร้อนรีบไปรับขันธ์..ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง
๔. ขอให้ทุกท่านเริ่มต้นด้วย ใจอันเป็นกุศล มี ศรัทธา เชื่อมั่น แลไม่สงสัยครับ
๕.
สำหรับ ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ตามกฏหมาย ควร มีผู้ปกครองชี้แนะเพราะ เจ้าชะตาอายุยังน้อยอาจตัดสินใจหรือรับขันธ์ทั้งที่ยังไม่พร้อม หรือไปรับขันธ์ผิดได้ครับ ด้วยทั้งยังขาดวุฒิภาวะ ประสบการณ์ชีวิต วิสัยทัศน์ และหลงตนเองว่ามีฤทธิ์มีเดชไปเที่ยวลองของผู้อื่น
ลำดับต่อมา... เป็นจุดประสงค์หรือเป้าหมาย ในการเดินสายเทพของท่านว่ามีเช่นไร
๑. อยากเป็นร่างทรง เป็นผู้วิเศษ
๒. อยากหายอาการเจ็บไข้
๓. อยากลบกรรมลิขิต โดยคิดว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นกรรมนั้น
๔. อยากรวย
๕. อยากช่วยคน
๖. อยากมีเครื่องยึดเหนี่ยวให้เป็นคนดี
 
๗.อยากบูชาด้วย ศรัทธา.. เชื่อมั่น.. ไม่สงสัย

หลักการปฏิบัติเบื้องต้นของผู้มีองค์เทพ
๑ . งดหรือห้ามรับประทานเนื้อวัวควายตลอดชีวิต
๒ . ห้ามรับประทานเครื่องเซ่นบวงสรวงของคนอื่น (เครื่อง เซ่นบวงสรวง ของตัวเอง สามารถนำมารับประทานได้ครับ ของเซ่นไหว้บรรพบุรุษ หรือผีไม่มีญาติควรงดครับ เครื่องเซ่นที่ปักธูปดอกเดียว ควรงดครับ)

๓ . ห้ามรับประทานอาหารหรือของกินต่างๆในงานศพงานแต่งหากจำเป็นต้องไป ให้จุดธูปกลางแจ้ง ๑๖ ดอกบอกกล่าวขออนุญาติต่อองค์เทพ ที่ว่าไม่ควรกินอาหารที่งานศพ ด้วยเหตุว่า 
       ๑. ไม่ทราบว่าสะอาดหรือไม่
       ๒. ถ้าไปงานแล้วอยู่ไม่กี่ชั่วโมง ให้ทานอาหารจากบ้านไปครับ
       ๓. ถ้าอยู่ช่วยงานทั้งวัน เวลาจะกินให้ตักไปกินนอกศาลาครับ ให้จุดธูปบอกกล่าวต่อเทพเทวาหรือพนมมือตั้งจิตอธิฐาน ว่ามีเหตุจำเป็นเพราะ ผู้ที่ล่วงลับเป็นญาติผู้ใหญ่ จำต้องร่วมงานและช่วยงานศพให้ลุล่วงด้วยดี เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตา 
๔ . สวดมนต์เป็นประจำ ชีวิตจะรุ่งเรือง (ให้เปิดตาสวดมนต์ การนั่งสมาธิเพียงให้ใจสงบ ห้ามหักโหม)
๕ . ก่อนที่จะไปทำการรับขันธ์ ต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ ๓ ครั้งก่อนหากดวงท่านต้องรับขันธ์หรือเดินสายเทพครับ  การรับขันธ์ อาจารย์หมอยา ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายครับ
มีข้อคิดเตือนใจ สำหรับ(ผู้ที่มีองค์เทพครับ) คือการครองเรือนครับ ข้อควรปฏิบัติดังนี้
๑. หากจะมีวันพิธีสำคัญเช่นไหว้ครูบูชาเทพประจำปี ประจำหิ้งบูชาตัวเอง ให้ลูกศิษย์ทุกท่านถือศีลให้บริสุทธิ์อย่างน้อย๒วัน ก่อนวันพิธีครับนับวันพิธีเป็นวันที่สามครับ
๒. ในระหว่างการไหว้ครู บูชาเทพที่หิ้งให้ รักษาระดับจิตใจ และอารมณ์ให้นิ่งและสำรวม
๓. ตั้งจิตอธิฐานถ้าจะมา ขอให้มาด้วยบุญฤทธิ์ มาด้วยบารมี มาด้วยสง่าราศรีครับ
๔. นอกเวลาการบูชา ขอให้ทุกท่านจงอย่าหลงติด คือสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติเช่นคู่สามี-ภรรยาโดยทั่วๆไปครับ 
๕. หากเป็นคู่สามี-ภรรยา ไม่อนุญาติให้แยกห้องนอนครับ ความ อบอุ่น ความใกล้ชิดจะหายไปครับ ให้ใช้ชีวิตตามปกติครับ (กรณีที่ร่างนั้นยังอายุไม่มาก จะเห็นได้ว่า หากขาดผู้ชี้นำปัญหาการครองเรือนมักตามมาด้วยความไม่เข้าใจกัน ระหว่างสามี-ภรรยา) 
๖. สำหรับการเปิดตำหนัก ผู้ที่เปิดตำหนัก การรักษาวินัยและศีลย่อมต้องเคร่งครัดกว่าธรรมดาครับ เพราะท่านไปยุ่งกับชะตาของผู้อื่น 
๗. สำหรับเจ้าตำหนักควรยึดหลักสามประการให้เป็นหลักเกณท์ในการปฏิบัติ
      ๗.๑ ไม่รักลูกศิษย์ (มีความสัมพันฉันท์ชู้สาว) ส่วนมาก มักพบปัญหานี้เสมอไม่ว่าเจ้าตำหนักจะหนุ่มหรือแก่ ดังนั้น จงระวังกาย ใจ ไว้เสมอ(ปาราชิก,สังฆาทิเสส)
      ๗.๒  ไม่โลภเรียกร้อง เงินทอง
      ๗.๓  ไม่โกรธถ้ามีผู้แนะนำตักเตือน
    ในท้ายที่สุด การบูชาเทพหรือปฏิบัติธรรม อาจารย์หมอยา ขอให้ศิษย์ทุกท่านได้ ประพฤติ ปฏิบัติในลักษณะสายกลาง ไม่หักโหมแต่ให้ดำเนินไปโดยสม่ำเสมอและมีศรัทธา เชื่อมั่น ไม่สงสัย แค่นี้ก็เป็นสุขได้ครับ เอวังก็มีด้วยประการเช่นนี้...สาธุการ
๘. ควรมีประคำประจำกายอย่างน้อย ๑ เส้น จะเป็นแบบใดแล้วแต่องค์เทพฃองแต่ละท่านครับ
๙.  เมื่อรับขันธ์มาปฏิบัติแล้วท่านเสพยา สารเสพติดเช่น ยาบ้า ยาอี ยาไฮ้ซ์
๑๐.ไม่ดื่มเหล้าในวันบวงสรวงเทพเทวา วันไหว้ครูของท่าน
๑๑.เมื่อพราหมณ์หรือเจ้าพิธีกล่าวเชิญครูเทพบนสวรรค์มารับเครื่องบวงสรวง ร่างทรงไม่บังควรลุกไปหยิบเครื่องเซ่นบนโต๊ะ มากัดกิน ด้วยลีลาแปลกๆ เรียกว่าไม่รู้กาละเทศะครับ ท่านว่าผิดครูและจะเกิดอาเภทตามมาครับ
๑๒.คู่สามี-ภรรยา หากผิดใจหรือทะเลาะเบาะแว้ง ไม่เข้าใจกัน มักเอาเรื่องของอีกฝ่ายที่นับถือเทพมากล่าวในทางเสียหาย ลบหลู่ดูหมิ่น ทั้งที่ไม่เคยคิดถึงสิ่งที่ตัวเองบกพร่อง จะต้องอวมงคล ธรณีสารครับ

-------------------------------------------

สิ่งที่ควรมีในผู้เดินสายเทพ 
๑. ควรมีสัมมาคาราวะ รู้จักให้เกียรติผู้อื่น
๒. ควรมีการรู้กาละเทศะ ว่าอะไรควรไม่ควร ของแบบนี้ไม่เชื่อก็ไม่ควรลบหลู่ครับ

๓. ควรรู้จักการครองตน ไม่ใช่ว่าเรียนวิทยาคมไสย์เวทย์มาเก่งหรือปฏิบัติสายเทพมา ไปอวดอ้างหรือไปลองภูมิ ลองของคนอื่น เรียกว่าไม่ประมาณตน หากจะโปรดหรือช่วยผู้อื่นก็ขอให้เป็นไปโดยสุภาพชน ด้วยน้ำใจไมตรี
นี่เป็นบทความที่ดีมากของท่าน tada โอม สดา ศิเวศวร อิสี มุณี ปุญญะ 
หลักแห่งการปฏิบัติที่พึงกระทำ 

1.ย่อมไม่โอ้อวดตน 
2.ย่อมไม่ละโมบ 
3.ย่อมไม่อหังการ 
4.ย่อมละทิฐิ 
5.ย่อมมีเมตตาเป็นที่ตั้ง 
6.ย่อมรู้จัก ละ ลด ปลด วาง 
7.ย่อมไม่ขวนขวายในสิ่งอันมิชอบมาเป็นของตน
-----------------
สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติอย่างยิ่งเมื่อจะเดินสายเทพ
๑. ขอในสิ่งที่เกินตัวเช่น ขอรางวัลที่๑ ขอแจ็คพ็อต๔๐ล้าน แต่ตัวเองไม่ขอรับขันธ์ใดๆทั้งสิ้น ไม่ของเป็นร่างทรงหรือเปิดตำหนักช่วยคน.. เรียกว่าขอเฉยๆ
๒. ตัวเองติดกรรมลิขิตเช่น ทำแท้งแลยังมิได้มีจิตสำนึก จะขอขมาลาโทษ
๓. ยังมิได้อาบน้ำมนต์สามครั้ง... ก่อนการรับขันธ์
๔. บางท่านเป็นเจ้าตำหนัก.. กลับขอบารมีต่อฟ้าที่มากเกินวาสนาแห่งตน.. ยามลงทรงอาจมีการเฉือนลิ้นหรือแทงปาก..
๕. ตัวเจ้าของร่างเองยังมิได้มี จิตเลื่อมใสศรัทธา เชื่อมั่น ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปรับขันธ์ใดๆ
๖. ตัวเจ้าของร่างต้องคุณไสย์ อวมงคลต่างๆอยู่ก่อนแล้ว.. หากทำการรับขันธ์ เป็นไปได้สูงที่จะถูกสัมภเวสีเข้าสิงสู่.. มีบางเวบที่ด่าเรื่องขันธ์ผี .. คงต้องยอมรับว่า มีส่วนจริงครับเพราะเขาต้องการเตือน มิให้เข้ารับขันธ์โดยขาดการพิจารณาครับ
๗.การมุ่งมั่นมากเกินขีดจำกัด เช่น นั่งสมาธิกรรมฐานมากเกินไป สวดมนต์มากเกินไป ด้วยมุ่งหมายที่ฤทธิ์บารมีอยากสัมผัสกับการมีองค์เทพเกินขีดจำกัด
๘.บาง ท่านมาเดินสายเทพ คำแรกที่กล่าวคือ อยากเห็นผี อยากล่วงรู้อนาคต.. บางท่านเมื่อได้สัมผัสแล้วเสียสติก็มีครับ เช่นยกตัวอย่าง บางท่านไปเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก เรือไวกิ้ง หรือตกหอสูง ใหม่ๆก็สนุกครับ พอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็จะกรีดร้องไปเลย เครื่องเล่นเหล่านี้สามารถหยุดได้ แต่ถ้าเห็นผีหรือล่วงรู้แล้วไม่สามารถยุติได้ โปรดไตร่ตรอง
๙. การเห็นเรื่องเทพหรือสิ่งที่ผู้คนเขานับถือบูชา เป็นของเล่นสนุกๆ ขำๆ ลบหลู่ ความวิบัติจะเกิดกับบุคคลผู้นั้นครับ
๑๐. การสาบานแบบเพ้อเจ้อ หรือบนแบบพร่อยๆ เช่น กินเจตลอดชีวิต รวยหรือโชคดีแล้วจะกลับมาบูชา เรียกว่าพูดไม่คิด ขอให้ตนเองสมปราถนา ยามสวรรค์ลงโทษ จะสำรอกเอาสิ่งที่ตนเองกล่าวออกมา หรือล้วงเอาเลือดออกมาจากปากตัวเอง
ท่านใดยังติดใน๑๐ ข้อที่กล่าวมาขอให้ลดละเลิกไปเสียครับ
--------------------------------------
อาการของคนที่เริ่มจะเปิดองค์เทพ
๑. มีอาการเวียนศรีษะ หนาว-ร้อน เรอลมจากกระเพาะ เหงื่อออกมาก ขนลุก นอนหลับยาก หน้ามืดวิงเวียน
๒. ยามองค์เทพมาจะสื่อถึง กลิ่นธูป กลิ่นกำยาน กลิ่นหอมต่างๆ
๓. ยามสัมภเวสีมาเบียดบัง จะได้กลิ่นเหม็น กลิ่นสาปสาง(คนใกล้เคียงสัมผัสได้ครับ)
๔. ยามสัมภเวสีมาสิ่งสู่ หรือองค์เทพมาประทับมีลักษณะ อาการใกล้เคียงกัน แต่ลักษณะที่แสดงออกแต่งต่างกันโดยสิ้นเชิง (สัมภเวสีมา พูดจาหยาบคาย กินเครื่องเซ่นมูมมาม ลุก-นั่ง ไม่สำรวม บางคนนั่งเกาอวัยวะเพศตนเอง มีกิ่นเหม็นโชยมาจากร่าง เสพสุรา ร่ายรำไม่สำรวม)
๕. ร่างมีอาการผิดปกติ เสียขวัญ หรือคล้ายคนที่องค์ลงหรือเสียสติ เกิดจากการถูกลงโทษเพราะ ชอบบนบานศาลกล่าว ให้สัจจะต่อองค์เทพแล้วละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือไม่สามารถทำตามที่ให้สัจจะไว้
๕. ร่างมีอาการลงประทับแรง หรือควบคุมยาก มักเกิดจาก บารมีร่างรับไม่ทันกับองค์เทพ แก้ไขโดยการฝึกจิตให้เข้าถึงรักษาศีล สวดมนต์ รู้เท่าทันกิเลส ดำรงตนเป็นพุทธมามะกะ
ระงับความ โลภ โกรธ หลง ให้รู้จักพิจารณา ขันธ์๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ธาตุ๔ (ดิน น้ำ ลม ไฟ )

-------------------------------

พานครู ใช้เป็นเครื่องประกอบพิธีต่างๆ เช่น บวงสรวง ไหว้ครู ตั้งหรือถอนศาลเป็นต้น ส่วนประกอบ
๑. ธูป ๕ ดอก
๒. เทียนขาว ๕ เล่ม
๓. พวงมาลัยกร
๔. หมากอย่างน้อย ๕ คำ 
๕. เงินกำนัลครู ๑๒ บาท

 
---------------------------------------------------------------------
ส่วนขันธ์ครู จุด ประสงค์ของขันธ์ครู...สำหรับท่านที่รับขันธ์มาแล้วได้ทำการล้างขันธ์มา เนื่องด้วยสาเหตุใดก็ตาม (เสื่อมศรัทธาในเจ้าตำหนักหรือผู้ประสิทธิ์ขันธ์) ควรขึ้นขันครูแทน โดยวิเคราะห์ดังนี้
๑. เพื่อเรียกขวัญของตัวเอง แลอยู่เย็นเป็นสุข มั่งมีศรีสุข
๒. เพื่อแสดงความกตัญญู ความเคารพต่อองค์เทพของตน
๓. เพื่อบูชาครูทั้ง๕ คือ ครูเทพเทวา  ครูอาจารย์ ครูอบรมสั่งสอน ครูอักษร ครูพักร์
๔. เพื่อเสริมสร้างบารมีแห่งตน
๕. สำหรับเจ้าตำหนักหรือผู้ที่ใช้วิทยาเวทย์รักษาคุณของผู้อื่นครับ
๖. เพื่อป้องกันเจ้าตำหนักเก่าหรือผู้ไม่หวังดีกระทำคุณไสย์ใส่
๗.เพื่อ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของตัวเอง... ให้รู้จักหมั่นดูแลรักษาหิ้งพระหิ้งบูชา.. สวดมนต์ตามโอกาสเป็นการปูแนวทางเดินของชีวิต ให้ใกล้ชิดพุทธศาสนาสืบไป
(หาก ท่านมีครู แลมีประสงค์จะขึ้นขันธ์ครู เป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ ไม่มีใครสามารถชี้นำท่านว่าจะรับ-ไม่รับครับ จงเคารพในการตัดสินใจของตัวเอง มิใช่ให้ผู้อื่นชี้นำครับ)
------------------------------------ 
1. เรารับขันธ์ทำไม?
ตอบ การรับขันธ์ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ครับ จุดประสงค์

ก. เป็นดวงจุติมาเกิดเพื่อเดินสายเทพ
ข. ได้ปฏิบัติบูชามาระยะหนึ่งแล้ว.. มีศรัทธา.. เชื่อมั่น .. ไม่สงสัย อย่ารับขันธ์ด้วยเพียงเหตุผลว่าโดนทัก หรือมีคนบอกให้รับขันธ์ครับ หากท่านขาดเหตุผลในข้อ ข. นี้ไม่สมควรรับขันธ์ครับ
ค. อย่ารับขันธ์เพราะความโลภ อยากรวย หรือทั้งๆที่ท่านยังเต็มไปด้วย ตัณหา ราคะ อยากได้ไม่สิ้นสุดครับ
ง. อาจารย์ไม่มีประสงค์เรื่องขันธ์เทพ เป็นกรณีหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น เพราะได้มาง่ายรักษายาก เรียกว่าเสียมากกว่าได้ ท่านที่รับขันธ์จึงพึงสังวรณ์ไว้ว่า ผู้ที่รับขันธ์เสียมากกว่าได้ คือ เสียสละ ( คือการช่วยเหลือผู้อื่น ผู้ที่เห็นแก่ได้ไม่สามารถในข้อนี้ครับ) เสียเวลา (การบูชาต้องแบ่งเวลา) เสียความรู้สึก (ทำดีไม่ได้ดี ช่วยเขาแล้วได้ดีลืมบุญคุณ ไม่ได้ผลหรือได้ผลช้ากลับมาลบหลู่) เสียใจ (ศิษย์หรือกัลยาณมิตร ... เนรคุณ)

2. ข้าพเจ้าสามารถรับได้หรือไม่ ?
ตอบ ได้ครับ ถ้าตรวจพบแล้วว่ามีองค์เทพจริง และสามารถตอบปัญหาข้อ ๑ ด้านบนได้แล้ว

3. การรับหรือไม่รับใครกำหนดคะ ?
อบ เบื้องบนครับ คนทำฤาจะสู้ฟ้าลิขิต

4. แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตหรือไม่คะ ?
ตอบ ย่อมเกิดแน่นอน  คิดดีทำดี    จำเริญรุ่งเรือง
                             คิดชั่วทำชั่ว วิบัติดับสูญ...
                             คิดไม่ตกทำไม่ได้ ...อย่าทำ

5. อาการมึนหัว ตัวเย็น จะอาเจียนดังกล่าวเกิดจากสาเหตุใด
ตอบ อาการที่เกิดเป็นได้หลายกรณี  สัมภเวสี..เจ้ากรรมนายเวร.. กรรมลิขิต  หรือเทพเทวาครับ

6.แล้วเหตุใดคนอื่นๆที่เขารับขันธ์ถึงมีท่าทางแปลกๆ
ตอบ ขึ้นกับร่างทรงนั้นๆ ท่าทางแปลกๆวิเคราะห์ดังนี้
ก. การแต่งการแปลกออกไป... ถ้าแปลกมากไปเดินถนนคนว่าบ้าครับ
ข. อาจารย์เคยพบ งานไหว้ครู บางงาน ร่างทรงที่มาร่วมงาน องค์ลงก่อนเจ้าภาพครับ บางท่านสวดแข่งกับพราหมณ์ ที่เขาเชิญมาทำพิธี เรียกว่าไม่รู้กาละเทศะ หากร่างทรงใดมีพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ก็ไม่สมควรไปงานครับ ยิ่งไม่สนิทเจ้าภาพยิ่งสมควรพิจารณาตัวเองครับ
ค. ร่างทรงบางท่านยึดติดมากไปครับ.. เวลาไม่ได้ประทับทรง ยังเดินตัวลอย คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาก็มีครับ ต้องการให้คนมากราบกราน
ง. บางคนเป็นเจ้าตำหนักชอบโทรหายืมเงินลูกศิษย์..จิกเป็นรายๆ แบบนี้ไม่ไหวครับ (เช็คไป-เช็คมายืมไปทั่วครับ) .. กฏข้อ ๗ ของการเป็นเจ้าตำหนักควรรักษาไว้........
จ. มีบางท่านอ้างว่า เป็นผู้มีญาณหรือองค์เทพ..ใชัญาณหรือบารมี องค์เทพตรวจ... ลูกศิษย์ที่มาหากเป็นหญิงสาวมักกล่าวอ้างว่า ในอดีตหรือองค์ของทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน.... ให้มาพบเจอกัน... มักพบได้เมื่อท่านไปเจอในเวบแล้วออนเอ็มหรือโทรหากัน ... โปรดใช้วิจารณญาณของท่านให้รอบครอบ หากท่านเป็นหญิงสาว....ไม่เว้นสาวน้อยหรือสาวใหญ่ หรือกำลังว้าวุ่นใจ สับสน โปรดระวัง

7. การรับขันธ์ครู หรือขันธ์เทพ อาจารย์หมอยามีประสงค์ว่า ขอให้ผู้ที่รับขันธ์นั้น มีเจตนารมณ์ที่จะบูชาเทพแห่งตนเป็นสรณะบูชาตัวเอง เรียกว่า ให้ความยอมรับนับถือตัวเอง... เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ในการประกอบอาชีพเพื่อความเจริญรุ่งเรือง ของตัวเอง เป็นคนดี มีที่ยึดเหนี่ยว หาใช่ให้ไปยึดติดกับเจ้าตำหนักใดๆก็หาไม่ครับ (มี บางท่านกล่าวโจมตีว่า ผู้ที่ไปรับขันธ์ เป็นผู้มีจิตใจอ่อนแอ ชอบเป็นเบ๊เป็นบ่าวผู้อื่น แบบนี้ก็เกินไป ใครจะเก่งเหมือนท่านละครับ) ความสามารถ การรับรู้และสภาวะแวดล้อม สำหรับบางท่านก็เหมือนโดนบีบคั้น ดังนั้น..... เวบองค์องค์เทพดอทคอมจึงก่อกำเนิดขึ้น เพื่อหวังว่า จะเป็นแนวทางเพื่อการศึกษาในศาสตร์แขนงนี้ครับ.. ให้เป็นเนื้อนาบุญสืบไป  
-----------------------------------------------------------------
๑. การครอบครู ไม่ทราบว่า จัดขึ้นหรือมีขึ้นดังประสงค์ใดเช่น มีพิธีไหว้ครู ครอบครู เป็นการจัดขึ้นเฉพาะกิจหรือเฉพาะกลุ่ม มีวัตถุประสงค์ชัดเจน เช่น 
๑.ไหว้
ครูโหราสาตร์ครูอาจารย์ครูเทพเทวา.....
๒.ไหว้ครูสักยันต์ครูไสยเวทย์....................
๓.ไหว้ครูนาฏศิลป์ครูดนตรีครูโนราห์............
๔.ไหว้ครูเจ้าตำหนัก...............................
๕.ไหว้ครูโดยคณะศิษย์จัดขึ้น .....มีวัตถุมงคลขาย.. มีกิจกรรมเหมือนขายบัตร
มีการตัดเงินถวายอาจารย์เป็นสัดส่วน.. แบบนี้สังเกตุง่ายครับเพราะครูอาจารย์ท่านนั้นๆจะไม่ค่อยพูด.. ทำกิจกรรมตามรายการและรายล้อมด้วยศิษย์ ไม่สามารถเข้าถึงตัวอาจารย์ได้
จุด ประสงค์ย่อมแตกต่างกันไปครับ.. แล้วอยู่ๆ มีการนำเศียรไปครอบให้กับผู้มาทำบุญทั้งๆที่ ....บุคคลผู้นั้น มิได้ร้องขอหรือมีเจตนาจะครอบ.. นั่นด้วยประสงค์สิ่งใด.. เพราะสี่ข้อที่กล่าวมาด้านบน ผู้ที่มางานทราบดีว่ามีพิธีครอบครู.. หาก ท่านไม่สบายใจ ให้ทำการอาบน้ำมนต์สามครั้ง อธิฐานขอคืนสิ่งที่ท่านไม่ได้มุ่งหวังจะมี หรือแรงครูแลอวมงคลต่างๆ ที่ได้รับมา ขอจงกลับคืนสู่ต้นทางคือผู้เปิดดวงครอบครูครับ

***************************************************

จำเป็นไหมที่ต้องไปงานไหว้ครู
๑. ไปงานไหว้ครูด้วยใจเคารพครูท่านนั้นๆ ด้วยความสบายใจ
๒. ไปงานไหว้ครูเพราะต้องการไปฟังพราหมณ์หรือคนชุดขาวสวดโองการบูชาเทพเทวา
๓. ไปเพราะเคารพเป็นศิษย์เป็นครู
......................................................

หลักปฏิบัติทั่วๆไป

๑. เมื่อท่านเป็นศิษย์มีครูแล้ว สามารถไปงานไหว้ครูที่อื่นๆได้ไหม สามารถไปได้ครับ ไปฟังพราหมณ์หรือหมอขวัญ คนชุดขาวทำพิธีได้ครับ...ไม่ว่าจะเป็นตามวัดหรือตำหนักต่างๆ
๒. ท่านสามารถไปรับการครอบครูที่อื่นๆ นอกจากครูของท่านได้หรือไม่... คำตอบต้องว่าไม่สมควรนัก..... เพราะมิได้เป็นศิษย์เป็นครูหรือมีความนับถือกันมาก่อน.. เพราะก่อนที่ท่านจะกราบครูอาจารย์ของท่านยังใช้เวลาไตร่ตรอง ...กับการพบปะหน้างานแล้วครอบครูเลย ต้องถือว่าไม่สมควรทำครับ
๓. ขณะครอบครู ควรลืมตาหรือหลับตา ควรก้มศรีษะหรือไม่....... อาจารย์บางท่านก็บอกลืมตา อาจารย์บางท่านก็บอกว่าหลับตา.. อาจารย์หมอยาจึงมีโอวาทแก่ศิษย์ดังนี้ เพื่อพึงใช้ปฏิบัติเพื่อเป็นบรรทัดฐานสืบไปว่า หากเป็นงานปีของครูบาอาจารย์ของท่าน.. เมื่อท่านได้รับขันธ์ปราวณาตนขอเป็นศิษย์โดยมี ศรัทธา เขื่อมั่น ไม่สงสัยเป็นที่ตั้ง ดังนั้นแล้วขณะมางานไหว้ครู เมื่อมาขอรับการไหว้ครู ควรก้มหน้า หลับตาระลึกถึงครูอาจารย์ทั้งห้า การก้มหน้าเพื่อเป็นการแสดงความนอบน้อมต่อครูอาจารย์ มิได้เงยหน้าสบตาเพราะ ไม่มีกังวลอันใดว่าครูหรือผู้ที่ดำเนินการครอบครูจะทำการสะกดองค์ของท่าน มีจิตรักแลกตัญญู ไม่มุ่งหวังเทียบบารมีครู .... แต่ในส่วนของการไปครอบครูกับคนอื่นที่มิใช่อาจารย์ของตน หากหลีกเลี่ยงได้ก็พึงละเว้นเสีย นอกจากครูท่านนัั้นๆมีความคุ้นเคยกันมาก่อน ใน ขณะครอบครูให้ท่านลืมตาแลไม่ก้มศรีษะครับ
**************************************
จริงไหมที่มีคำกล่าวว่ามีเทพแล้วจะครองคู่หรือทีคู่ยาก ถึงมีก็จะเลิกล้างกันไป
ตอบ วิเคราะห์ดังนี้ครับ

๑. เพราะการปฏิบัติที่มุ่งมั่นจนเกินความพอดี ขาดครูอาจารย์คอยเตือนสติ แบบนี้เรียกว่าหลุดโลกครับ
๒. เพราะวิสัยมนุษย์มักโทษคนอื่นก่อนโทษตัวเองครับ.... เช่นเกิดเหตุการณ์ไม่ดี เคราะห์กรรมต่างๆ มักโทษขันธ์ โทษเทพเทวา ว่าขันธ์ผี เป็นต้น โดยไม่ได้มองความประพฤติตนเองว่า ได้เคยก่อกรรมอันใดไว้ เช่น บางท่านเคยทำแท้งมา1-2-3-4-5-6-7-8-9-10ครั้ง เวลาคุยกับอาจารย์ น้ำเสียงหาได้มีความเสียใจหรือจิตสำนึกไม่ ผลกรรมย่อมติดตามมา ทำให้ท่านไม่มีความสุขในชีวิตคู่การครองเรือนครับ......  อาจารย์เคยได้ยินคำบอกเล่าจากปากลูกดวงว่า เคยไปดูหมอ กับหมอดูหรือพระอาจารย์ เพื่อดูเด็กในครรภ์(กำลังตั้งครรภ์) ว่าเป็นเช่นไร ได้รับคำทำนายว่า เป็นกาลีให้เอาเด็กออกหาไม่สามีจะมีภรรยาน้อยและตกต่ำ คู่สามี-ภรรยาก็ไปเอาเด็กออก เป็นเช่นนี้สองครั้ง ครั้งที่สามฝ่ายภรรยาไม่ยอมเก็บเด็กไว้เมื่อคลอดออกมา ฝ่ายสามีก็ไปมีภรรยาน้อยอยู่ดีครับ...  ฝ่ายลูกดวงก็บอกว่า หมอดูหรือพระอาจารย์ท่านนั้นมีชื่อเสียง อีกด้วย อาจารย์ที่ดูดวงเช่นนี้เลวมากครับหาที่เปรียบมิได้.. คงต้องตกนรกหมกไหม้ไปชั่วกัปชั่วกัลย์ครับ
๓. สามี-ภรรยา อยู่ด้วยกัน ไม่ให้ เกียรติซึ่งกันและกัน เช่นภรรยาไม่ให้เกียรติสามี พูดจาไม่มีหางเสียงแถมหยาบกระด้าง เห็นแก่เงิน รักครอบครัวตัวเองมากกว่าสามี เอาเงินที่สามีฝากไว้ที่ตัวเองไปให้คนอื่น ให้ครอบครัวตัวเอง เช่น ปล่อยกู้ ให้ยืม ยามขัดสนก็ด่าทอ ไม่ได้สนใจว่าเงินที่หามาได้ด้วยความเหนื่อยยาก และได้นำมาฝากไว้ มิใช่เงินของตน พูดจาก้าวร้าว หลบหลู่ดูหมิ่นสามีไม่พอแถมเลยเถิดไปยังองค์เทพเทวา สามี-ภรรยาท่านใดเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้พึงสังวรณ์ว่า การเคารพเทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเหตุผลส่วนตัวและเป็นสิทธิ์เสรีภาพขั้น พื้นฐาน หากจาบจ้วงกันเมื่อใดก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ครับ หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกระทำเช่นนี้ เรียกว่าไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วมีเจตารมณ์จะเลิกกับฝ่ายตรงข้าม ครับ ทำเพื่อความสะใจทำได้ครับ แต่จะเสียใจภายหลังครับ

**********************************
ข้อสังเกตุ
๑. การที่เจ้าตำหนักโทรมาเร่งรัด หรือให้ศิษย์มาบีบคั้นให้ไปงานไหว้ครู
๒. โทรมาเร่งรัด
หรือให้ศิษย์มาบีบคั้นว่า ดวงตกต้องมาเสริมขันธ์
๓. โทรมาเร่งรัด
หรือให้ศิษย์มาบีบคั้นว่า ถ้าไม่มางานไหว้ครูจะมีอันเป็นไป

      เหล่านี้เป็นการบังคับ ข่มขู่ วิธีการต่างๆนานาสารพัดที่จะบีบบังคับให้ท่านไปงานไหว้ครูของเขาให้ได้ เช่นนี้แล้วพึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่ถูกต้องและไม่จำเป็นต้องไปครับ ศรัทธาควรมาจากใจ มิใช่ข่มขู่ครับ จึงมีบางเวบที่ประณามร่างทรงหรือตำหนัก ก็นับว่าสมควรแล้วครับ 
    ทุกท่านที่เข้ามาศึกษา เวบองค์เทพ ขอให้นำบทความไปไตร่ตรอง จงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของท่าน ควรมีจิตใจอันมั่นคง อย่ายอมสยบให้กับคำข่มขู่ หากวุ่นวายใจก็เลิกไปตำหนักนั้นๆเลยครับ งานไหว้ครูก็ไม่ต้องไปครับ จงเชื่ออย่างมีสติ เหตุผล ครับ
    เวบองค์เทพตอทคอม มีประสงค์ให้ท่านทั้งหลายได้ศึกษาบทความ ก่อนการตัดสินใจ ไม่ควรรับขันธ์เพราะแรงยุ เจ้าตำหนักสั่ง ถูกบีบบังคับ ไม่เต็มใจ เพราะเราเป็นคนพุทธย่อมบูชากราบไหว้พระพุทธองค์เป็นแรงใจอยู่แล้ว ส่วนกราบไหว้บูชาเทพ เป็นศรัทธาส่วนตัว เชื่อมั่น ไม่สงสัย เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจเป็นโชคลาภครับ หากปฏิบัติสายเทพภายใต้ความเกรงกลัวจะได้ประโยชน์อันใดครับ

 ******************************

from: ภคจิรา จันทร์แดง [mailto:pakjira3249@hotmail.com] 
sent: thursday, october 18, 2012 9:00 am
to: ท่านอาจารย์หมอยา เว็ปองค์เทพ
subject: กราบท่าน่อาจารย์ยามเช้าค่ะ 

กราบท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูงค่ะ ศิษย์ภคจิรา  ลำดับที่ 30 นะคะ  คิดถึงท่านอาจารย์เป็นที่สุดค่ะ  ....  พร้อมกับมีข้อสงสัยอยากเรียนสอบถามท่านอาจารย์หลายประการค่ะ

1   ในจิตใจตอนนี้ว้าวุ่นสับสนเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ค่ะ  เป็นอารมณ์ของความชิงชัง เคืองแค้น เจ็บปวด  รังเกียจเดียดฉันท์ ของผู้ที่กระทำการให้เจ็บช้ำน้ำใจ  ผู้ที่มีนิสัยเห็นแก่ตัว เลวทรามต่ำช้า  ผู้ที่ตีสองหน้า กลับกลอก หน้าไหว้หลังหลอก  อย่างรุนแรง  จนมิอาจข่มลงได้ เป็นเวลาหลายวันหลายคืนแล้วค่ะ  ตั้งแต่ก่อนกินเจเสียอีก  จนกระทั่งเช้าวันแรกของการกินเจก็ระงับไม่อยู่ถึงกับว่ากล่าวบุคคลดังกล่าวออกมาด้วยถ้อยคำรุนแรงกับคู่สนทนาที่สนทนากันถึงเรื่องของบุคคลผู้นี้  รวมทั้งยังนึกอยากระบายออกมาทางหน้าเฟซบุคหมือนที่หลาย ๆ คนกระทำกัน

2   ระดับความรุนแรงมากเสียจนนึกอยากกระทำการบางอย่างที่ผู้ตั้งสัจจะวาจาว่าจะช่วยเหลือเมตตาเพื่อนมนุษย์มิควรทำ

3   เช้าวันนี้ ได้เห็นข้อความบนโพสต์ของน้องกฤษณกร  ถึงเรื่องของการเปลี่ยนสายญาณจากบุญญฤทธิ์ เป็นอิทธิฤทธิ์ว่า "เป็นไปได้ไหมที่จู่ๆสายบุญฤทธิ์จะแปรเปลี่ยนเป็นสายอิทธิฤทธิ์งงและสับสน มากๆ t^t ใครพอรู้บ้างวานบอกหน่อยคับ" จึงสงสัยว่า เป็นไปได้จริงใช่หรือไม่  และศิษย์กำลังเป็นไปเช่นนั้่นใช่หรือไม่  เนื่องจาก เคยเจอเหตุการณ์ที่ทั้งรุนแรงกว่านี้  ทั้งเบากว่านี้  ทั้งเขาตั้งใจและเขาไม่ตั้งใจ   ก็ยังสามารถปล่อยวางและอโหสิกรรมได้จนเป็นปรกติวิสัย

4   เป็นไปได้หรือไม่ที่จะถูกจิตฝ่ายต่ำ หรือสัมภเวสีเข้าครอบงำ

5   ระดับความรุนแรงเช่นนี้ ต้องทำอย่างไร จึงจะสามารถขจัดไปได้  ... เนื่องจากแม้จะสวดมนต์นั่งสมาธิก็ไม่สามารถควบคุมได้

6   เกิดอะไรขึ้นจึงเป็นไปเช่นนี้  ทั้งที่ก่อนหน้านั้น  ชีวิตกำลังได้รับความเมตตาจากเบื้องบน จัดที่จัดทางให้เข้ารูปเข้ารอยของความสุขความเจริญ

ขอท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตาชี้แนะสั่งสอน ..... 

รักและเคารพท่านอาจารย์เสมอ

ภคจิรา

ตอบ อนุโมทนาครับ เป็นคำถามที่ดีมากๆครับ อาจารย์วิเคราะห์และอธิบายดังนี้ครับ
ตอบคำถามข้อที่ ๑.ความรัก โลภ โกรธ หลง เกิดกับทุกท่านครับ มากน้อยแล้วแต่กรณี ที่ท่านมีความรู้สึกคล้อยตามไป เพราะท่านมีความรู้สึกผูกพันเช่นเป็นคนที่ท่านเคยรัก เคยร่วมงาน หรือสนิทสนม เมื่อมีผลกระทบจากการกระทำจึงทำให้ท่านผิดหวัง เสียใจ โกรธเคืองครับ วันใดที่ท่านไม่รู้สึกโกรธ แสดงว่าเขาได้ตายจากใจท่านอย่างถาวรครับ  สำหรับเรื่องเฟสบุคจะพบเห็นว่ามีคนใช้เป็นช่องทางระบาย บางคนก็ออกมาแบบหยาบคาย ในเฟสของอาจารย์ก็เคยมีลูกศิษย์บางท่าน อยู่ๆก็โพสด่าศิษย์กันเอง โดยไม่ไต่ถามหรือสอบถาม ความจริง ถ้อยคำเสียดสี หยาบคาย ซึ่งอาจารย์ได้ลงโทษโดยลบออกจากทะเบียน การกระทำแบบนี้นับว่าไม่สมควร เป็นการประจานตัวเองครับยิ่งด่าเขาเรายิ่งเจ็บครับ เฟสบุ้ค ผู้สร้างคงหวังให้เป็นการสร้างสรร มากกว่าจะเป็นสื่อไว้สำหรับด่ากัน
ตอบคำถามข้อที่ ๒. สิ่งที่ท่านกล่าวมา ตัวอาจารย์ก็เคยเป็นครับ การมีสติไตร่ตรอง ไม่ยึดติด ปล่อยวางจะช่วยท่านได้มากครับ เพราะปัจจุบันนี้คนที่ทำเลวบริสุทธิ์ กลับไม่รู้สึกว่าตัวเองเลวมีถมไปครับ
ตอบคำถามข้อที่ ๓. จำแนกดังนี้ การเปลี่ยนสายญาณ วิเคราะห์ว่า บางท่านกำเนิดมามี องค์เทพเป็นสองสายญาณ แรกเมื่อเริ่มปฏิบัติ สัมผัสกับสายญาณแรกอาจเป็นทางอิทธิฤทธ์หรือบุญฤทธิ์ ก่อนแล้วแต่บุคคล เรียกว่าองค์นำ แล้วจึงเปลี่ยนเป็นองค์หลัก อีกสายญาณหนึ่งในเวลาต่อมา หรือออกมาในลักษณะทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ควบกัน ครับ ไม่เกี่ยวพันกับคำถามสองข้อแรกครับนั่นเป็นเรื่องของอารมณ์ ริษยากับอริในใจครับ
ตอบคำถามข้อ ๔.๕.๖. เป็นไปได้ครับ ที่จิตมารเข้าแทรกครับ ส่วนมาก ที่จะเกิดลักษณะอาการเช่นนี้ มาจาก 
     ผู้ปฏิบัติ เป็นศิษย์หลายครู มีความมุ่งหวังในการปฏิบัติเพียงเพื่อ สนองตัณหาแห่งตน เพื่อเป็นบันใดสู่ความเป็นเลิศเป็นหนึ่ง ไปหลายสำนัก ไปถึงมักลงประทับ การประทับมิใช่เพียงเพื่อเสริมบารมีบูชาครูอาจารย์ แต่มักเป็นในลักษณะเบ่งบารมี เรียกศิษย์เข้าหา นานวัน เมื่อพ่ายต่ออารมณ์ตนเอง จิตมารเข้าแทรกก็กลายเป็นสัมภเวสี ผีกะ ดังที่บางเวบได้กล่าวประณามครับ
     ผู้ปฏิบัติ เป็นผู้ที่รับขันธ์เข้าปีที่สาม สาเหตุ มักมาจากการได้ปฏิบัติมาระยะหนึ่ง บังเกิด บุญบารมี เริ่มมีผู้เลื่อมใสศรัทธา จึงเกิดอาการหลงผิด กราบใครไม่เป็นแม้กระทั่งครูอาจารย์ของตน แรกๆก็กราบลงพื้นด้วยศรัทธา พอเก่งแล้วยกมือไหว้เฉยๆก็มีครับ
    ผู้ปฏิบัติ หากสามารถผ่านเรื่องศิษย์หลายครู ขันธ์ปีที่สาม และยังมีความเป็นตัวของตัวเอง เคย อ่อนน้อมถ่อมตนก็เป็นเหมือนเดิมมีจิตใจที่ปฏิบัติด้วยความมีศรัทธา เชื่อมั่น ไม่สงสัย ดังเช่นที่รับขันธ์ครูวันแรก เป็นดังนี้แล้ว สิริมงมลย่อมบังเกิดครับ

from: rakcharin buaiam [mailto:nirahckar_@hotmail.com] 
sent: wednesday, july 25, 2012 4:22 pm
to: webmaster@ongtep.com; nirahckar_@hotmail.com
subject: ครอบครูยาไปแล้ว แต่ที่บ้านก็มีครูยาที่นับถืออีกท่าน และจำเป็นต้องครอบครูซ้อน ไม่รู้จะทำทำอย่างไรดีค่ะ

กราบสวัสดีอาจารย์หมอยาที่เคารพค่ะ
          ดิฉันมีปัญหาที่กังวลใจที่บุคคลทั่วไปให้คำตอบไม่ได้ อยากจะปรึกษาท่านอาจารย์น่ะค่ะ ก่อน หน้านี้ที่ดิฉันจะเจอเวบไซด์นี้ดิฉันได้สอบถามอาจารย์หมอที่เชิญมาทำพิธี ไหว้ครูทั้งที่คณะแพทย์ และคณะเภสัช แล้วแต่ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบหรือช่วยดิฉันได้ ก่อนอื่นดิฉันขอแนะนำตัวให้ท่านอาจารย์ได้รู้จักก่อนนะคะ ดิฉันชื่อ รักชริน ทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยสมุนไพรที่คณะเภสัชม.มหาสารคาม  ดิฉันเคยครอบครูยาแผนไทยคือท่านชีวก ไปแล้วเมื่อ 5 ปีที่ก่อน แต่ เมื่อหลายวันก่อน แม่ของแฟนไปดูดวงมาแล้วบังเอิญคนที่ดูดวงให้เขาบอกว่า ลูกสะใภ้(ซึ่งหมายถึงดิฉํน) มีคนเดินตามอยู่ตลอดไปทางไหนก็ตามไม่ห่าง จะนั่งจะยืนจะเดินก็ตาม เป็นคนแก่ ๆ มีเคลาสีขาว ใส่ชุดขาวด้วย เขาถามว่าที่บ้านมีของรึป่าว ดิฉัน เลยนึกถึงครูยาที่ที่บ้านนับถือ คุณยายได้ครอบครูไว้ให้กับคุณป้าก่อนคุณยายจะเสีย แต่คุณป้าตอนนี้สติไม่ดีแล้วเป็นอัมพาตพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ดิฉันไม่รู้ว่าท่านจะครอบครูให้ได้อย่างไร

       ปัญหาเลยมีดังนี้ค่ะ 
1. หมอดูท่านนั้นนะนำว่า ท่านผู้นี้อยู่ข้างนอกแบบนี้ไม่ดี ให้ครอบครูซะ หรือไม่ก็ให้เอาออก ถ้าจะเอาออกจะเอาออกให้ แต่ดิฉันจะเอาออกได้อย่างไรคะ ถ้าเป็นแบบนั้นแปลว่า ท่านเลือกดิฉันแล้วว่าให้ สืบต่อ 
ตอบ อนุโมทนาครับ ท่านเข้าใจได้ถูกต้องครับ แล้วที่ว่าจะเอาออกให้ อาจารย์ก็งงครับ ปู่ท่านเป็นครูอาจารย์มิใช่ สัมภเวสี หมอดูท่านนั้นเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ


2. และถ้าจะครอบครูก็ให้ครอบพร้อมกับแฟนด้วย จะได้ทำมาค้าขึ้นทั้งสองคน ปัญหาคือว่ามันก็แค่แฟนน่ะค่ะถ้าอนาคตเลิกกันล่ะคะเขาจะเป็นอย่างไรต้องมา ไหว้ครูที่บ้านเราทุกปีหรือป่าว

ตอบ อนุโมทนาครับ ท่านเข้าใจได้ถูกต้องครับ สม กับที่ร่ำเรียนมา การครอบครูต้องมาจากศรัทธาท่าน มิใช่เพืยงเพื่อหวัง ความร่ำรวย ไม่สมควรยึดติดกันครับ หากมีผัวใจบาป ชาตินี้ก็ไม่ต้องไหว้ครูกันพอดีครับ.. โปรดพิจารณาครับ


3. แล้วถ้าครอบครูต้องครอบครูที่บ้านที่องค์ฤาษีอยู่หรือป่าว บ้านดิฉันอยู่สุพรรณ บ้านแฟนและหมอท่านที่ดูดวงให้อยู่อุดร ต้องไหว้ครูที่ไหนคะแต่ดิฉันเข้าใจว่าองค์ฤาษีอยู่ที่ไหนก็ต้องไปไหว้ที่ นั่น

ตอบ ไหว้ครูที่บ้านตัวเองครับ แล้วเรื่องการไหว้ครู ศึกษาได้จากในเวบนี้ครับ เป็นแบบส่วนตัวได้ครับ


4. ข้อสุดท้ายปัญหาใหญ่เลยค่ะ ดิฉันครอบครูแล้ว ถ้าครอบครูเพิ่มจะทำอย่างไรให้ไม่เป็นการลบหลู่ครูเดิมที่ครอบครูไปแล้วคะ ดิฉันกลัวว่าจะกลายเป็นศิษย์คิดล้างครู และกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิดไป ไม่แน่ใจว่าที่คุณป้าเป็นอัมพาทและพูดไม่รู้เรื่องเป็นเพราะไม่ได้ปฏิบัติ หรือป่าวเพราะในทุกปีที่ไหว้ครูดิฉันจำได้ว่า คุณแม่เป็นคนจัดการไหว้ให้ตลอด คุณป้าทำแค่เพียงฝากเงินมาไหว้เท่านั้น ความต้องการตอนนี้คือดิฉันต้องการครอบครูและบูชาครูทั้งสองพร้อมกัน แต่กลัวปฏิบัติไม่ถูกต้องน่ะค่ะ

ตอบ อาจารย์ได้เคยกล่าวถึงเรื่องการไหว้ครูว่า เป็นการแสดงมุทิตาจิตเป็นศิษย์กตัญญู.... อาจารย์จึงได้มีโองการไหว้ครูสำหรับศิษย์ทุกท่านหรือผู้ที่สนใจและมีศรัทธา อยากจะไหว้ครูสามารถนำไปใช้ได้ครับ 
      ส่วนเรื่องการครอบครู อาจารย์ได้มีบทความกล่าวไว้ในศิษย์มีครู หากท่านมีประสงค์จะครอบครู ท่านควรหาครูของท่านให้พบเสียก่อน หากยังไม่สามารถหาได้ในขณะนี้ ให้ทำการไหว้ครูแต่ประการเดียวครับ จะได้ไม่ถือว่าผิดครูครับ



        เท่าที่ดิฉันพยายามหาข้อมูลและอ่านบทความของท่านอาจารย์ทำให้ดิฉันทราบว่า ท่านอาจารย์เป็นคนเก่งมาก ๆ ความรู้เยอะมาก ๆ ด้วย ดิฉันเลยคิดว่าอาจารย์อาจจะเมตตาตอบและอาจจะเมตตาช่วยทำพิธีให้ได้นะค่ะ ไม่ ทราบว่าคำถามของดิฉันจะรบกวนท่านอาจารย์หรือป่าวแต่สำหรับดิฉันมันคือปัญหา หนักและคือความไม่รุ้จริง ๆ ค่ะ ถ้ามันรบกวนท่านอาจารย์ดิฉันต้องขออภัยท่านอาจารย์ด้วยนะคะ แต่ดิฉันไม่ทราบหนทางที่จะปฏิบัติจริง ๆ ค่ะ อาจารย์โปรดเมตตาด้วยค่ะ 


รักชริน

บทความแนะนำ

รวมบทความ

แปลภาษา
ติดตามข่าวสาร
ติดตามข่าวสารที่ทวิสเตอร์  Page Ranking Tool