ความตั้งใจในการเขียน ผู้เรียบเรียงต้องการสื่อถึงข้อธรรมและความเข้าใจเมื่อได้อ่านพุทธธรรมว่า มีความคิดเห็นเป็นเช่นไร เขียนไปตามความเข้าใจซึ่งอาจขัดแย้งความคิดเห็นของท่านก็ขอได้โปรดอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ.... หมอยา
ฤทธิ์-ปาฏิหาริย์-เทวดาแลเทพเทวา สรุปความในพุทธศาสนา ไม่สนใจว่า ฤทธิ์-ปาฏิหาริย์-เทวดาแลเทพเทวา มีอยู่จริงหรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ในโลกของเราปัจจุบัน จะพอทราบว่า ในอากาศมีทั้งคลื่นวิทยุ คลื่นของสัญญาณทีวีและในโลกของอินเตอร์เน็ต หรือสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสามารถสื่อสารได้ หากเรื่องเหล่านี้ได้นำกลับไปบอกกล่าวแก่บุคคลซึ่งย้อนเวลาไปหลายร้อยปี คงต้องถูกหาว่า สติไม่สมประกอบเป็นแน่แท้ครับ ในหลักของพระพุทธศาสนา สนใจว่า ในกรณีที่มีอยู่จริงเราควรปฏิบัติและมีท่าทีอย่างไรเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นมากกว่า จะแบ่งกลุ่มคนได้เป็น ๒ กลุ่มคือ เชื่อ กับไม่เชื่อว่ามีสิ่งเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษคือเป็นของที่ผลุบๆโผล่ๆหรือลับๆล่อๆ ทำให้ผู้ที่ประสบด้วยตนเองเข้าใจและเชื่อมั่น แต่กับคนบางคนกลับไม่สามารถพบเจอ สำหรับการมีอยู่จริงของเทพเทวาในหลักพระพุทธศาสนาถือว่า ไม่ขัดแย้งในทางปฏิบัติ ไม่กระทบต่อหลักการของพระพุทธศาสนา แม้ว่าเทพเทวา-ปาฏิหาริย์ มีอยู่จริง การปฏิบัติหลักธรรมและเข้าถึงพระศาสนาสามารถทำได้เช่นกัน
อิทธิปาฏิหาริย์....เป็น อภิญญา คือความรู้ความสามารถพิเศษมีชื่อเฉพาะว่า อิทธิวิชา(อิทธิวิธิ)สามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆเป็น โลกียอภิญญา จะพัวพันอยู่กับโลกมนุษย์เป็นวิสัยปุถุชนย่อมมีกิเลสปะปนครับ เช่น หูทิพย์ ตาทิพย์ การอ่านใจผู้อื่น การดูอดีต การดูอนาคต สิ่งเหล่านี้เกิดมาก่อนพุทธกาล ไม่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ในทางพระพุทธศาสนา มีญาณอันสูงส่งเรียกว่า อาสวักขยญาณ คือ อภิญญาในระดับโลกุตระ ทำให้จิตใจเป็นอิสระและทำให้ดับกิเลสดับทุกข์ได้ ซึ่งนับว่าเป็นธรรมอันสูงสุดก็ว่าได้ครับ แต่ในความเป็นจริง การเรียนรู้ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเรียกว่า ก้าวไปทีละขั้น ซึ่งบางท่านที่มีบุญบารมี ก็สามารถจะได้ทั้ง โลกุตรอภิญญา โดยได้ โลกียอภิญญาไปพร้อมกัน
อิทธิปาฏิหาริย์ แบ่งเป็น ๓ ประการดังนี้
๑. อิทธิปาฏิหาริย์ คือ การแสดงฤทธิ์ต่างๆ
๒. อาเทศนาปาฏิหาริย์ คือ การทายใจคนอื่นๆได้
๓. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ คำสอนที่เป็นจริงและนำไปปฏิบัติแล้วได้ผล
เทวดา คือ ผู้ที่มีคุณธรรมสูง กว่ามนุษย์มากนับว่าเหนือกว่าถึง ๓ ประการ คือ อายุทิพย์ กายทิพย์ อิ่มทิพย์(สุขทิพย์) แต่ก็ยังนับว่ามีกิเลสอยู่บ้าง จึงยังไม่หลุดพ้นคำว่า
"วัฏฏสงสาร" ในความคิดคำนึงของมนุษย์เมื่อมีการตายเกิดขึ้น มักให้พรกันว่า "จงไปสู่สุคติเถอะ"คือหมายให้ไปเกิดเป็นเทวดานั่นเอง แต่ในทางกลับกัน เทวดาเองก็อยากกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ด้วยเหตุ ๓ ประการคือ
๑ . ความกล้าหาญ
๒ . ความมีสติ
๓ . การสามารถถือพรหมจรรย์ หากสามารถใช้ ๓ สิ่งที่มนุษย์มีประกอบคุณความดีแลปฏิบัติธรรมจะได้อานิสงน์ในกรรมดีที่ทำนั้นมากมาย
เพราะโลกมนุษย์มีคุณสมบัติพิเศษคือเป็นแหล่งที่รวม คนดี คนเลว ผู้มีธรรมอันสูงส่ง เป็นสถานที่ๆผู้ที่ได้เกิดมาบนโลกสามารถเลือกที่จะกอบกรรมดีหรือชั่วโดยอิสระ ต่างจากนรกหรือสวรรค์ซึ่งแยกคนดี-เลวไว้ชัดเจน
มนุษย์พยายามสร้างสัมพันธ์กับเทวดาเทพเทวาต่างๆโดยสามารถจำแนกออกได้เป็น ๒ วิธี ดังนี้
ประการ ๑ . โดยวิธีการอ้อนวอน เช่น การบวงสรวง เซ่นสังเวย การบูชา
ประการ ๒ . โดยการบังคับด้วยการบำเพ็ญพรต เช่น การทรมานร่างกายตนเอง
สรุปข้อปฏิบัติตนของผู้มีองค์เทพ
ข้อ ๑ . เมื่อปฏิบัติบูชาด้วยความมีศรัทธา เชื่อมั่น แลไม่สงสัย เป็นการต้องการบูชาด้วยใจบริสุทธิ์ เมื่อได้โลกียญาณ อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ให้เน้นไปในทางช่วยเหลือผู้คน ใช้อิทธิฤทธิ์ที่ได้ไปในทางประกอบคุณความดี
ข้อ ๒ . เมื่อทราบว่าอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์มีจริง ก็เป็นกำลังใจให้อยากประพฤติปฏิบัติธรรมในเวลาต่อมาครับ เช่นเข้าวัดทำบุญ ศึกษาพระธรรมไปด้วยเป็นการขัดเกลาจิตใจครับ
ข้อ ๓ . รู้จักการปล่อยวางจิตใจ ให้สบายไม่ยึดติด อย่ากลัวที่จะสูญเสียอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์เพราะหากท่านมั่นคง สิ่งเหล่านี้ก็จะคงอยู่กับท่านแล จัดเป็นการเข้าถึงพุทธศาสนาประการหนึ่งครับ
sent: monday, october 26, 2009 8:39 pm to: subject: re: รบกวนตรวจองค์เทพค่ะ สวัสดีค่ะ หมอยา หนูชื่อสวรรยา หนูเคยตรวจองค์เทพกับหมอยาไปแล้วขอบคุณมากค่ะ หมอยาช่วยตอบหนูถือว่าเอาบุญนะคะ ทำไมในหลายเว็ปไซ้ถึงได้โจมตีคนที่เป็นร่างทรงองค์เทพบางเวปพูดอาการ ลักษณะท่าทางได้ถูกต้องเวลามีองค์เทพมาประทับหาว่าเป็นวิญญาณสัมภเวสีบ้าง จนบางครั้งหนูกลัววิตกจริตไปเลยว่าตัวเรานี่จะเป็นอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า ขอบคุณค่ะ
ตอบ อนุโมทนาครับ เป็นคำถามที่ดีมากๆครับ.......... เพราะเรื่องร่างทรงนั้นละเอียดอ่อนครับ........... ที่ถูกโจมตีจะพุ่งประเด็นไปที่ร่างทรงที่เปิดตำหนัก
ครับ.... เนื่องจากบรรดาร่างทรงที่เปิดตำหนักอาจ มีการทำผิดเจตนาสวรรค์โดยลืมสัจจะวาจาที่ให้ไว้ว่า จะช่วยคนกลับเรียกร้องและต้องการไข่วคว้าให้
มีลูกศิษย์มากๆ ลืมปณิธานที่ลั่นวาจาว่า จะช่วยคนกลับกลายเป็นการขอให้ศิษยานุศิษย์ มาช่วยกัน บริจาคเพื่อสร้างตำหนักของตนให้ยิ่งใหญ่ (ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอดแล้วจะไปช่วยใครได้ครับ) หากตำหนักใดมิได้เป็นเช่นที่กล่าวมา.. หมอยาก็ขอกล่าวอนุโมทนาครับ.. หากเป็นการล่วงเกินในความคิดของท่าน.. หมอยาก็ขอกราบขอขมาต่อท่านไว้ ณ ที่นี้เป็นสำคัญครับ
หรือหลงในฤทธิ์บารมีจนทำให้องค์เทพท่านถอย กลับกลายเป็นสัมภเวสีมาสิงสู่แทน การประทับทรงไม่ชัดเจน จนเกิดอกุศลแก่บรรดาศิษย์ที่เข้าหา.... ยังผลให้การประสิทธิ์ขันธ์ครูกลายเป็นขันธ์ผีในที่สุด โดยที่ตัวเจ้าตำหนักก็ไม่รู้ตัวเองครับ.......... อย่างว่าละครับ สิ่งที่กล่าวมา เป็นกันได้ทุกคนละครับ ...ไม่ว่าคนๆนั้นจะถือเพศนักบวช ฆราวาส จะดีหรือชั่วอยู่ที่คนทำครับ เพราะโลกมนุษย์นี้เป็นศูนย์รวมของคนทุกประเภท แต่การเลือกประกอบกรรมดี-ชั่ว ท่านสามารถเลือกเองได้ครับ........ ดังนั้นควรแยกแยะครับ...ว่าท่านมาเดินสายเทพ ด้วยเหตุผลใด หากเพื่อศรัทธา และตัวเองมีทุกข์เมื่อได้บูชาท่านแล้วมีจิตใจสบาย คลายทุกข์ ชีวิตที่เป็นทุกข์ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น..... ท่านก็จงเดินสายเทพต่อไปครับ...ตัวท่านเองใยต้องไปเชื่อคนอื่น...จงเคารพในการตัดสินใจของตัวเอง ....อยู่ในโลกนี้ไม่มีใครพ้นคำนินทาครับ หากสิ่งที่ท่านทำอยู่มิได้เบียดเบียนผู้ใด ก็คงไม่เสียหายอะไรครับ
คาถาบูชาพระฤาษีบรมครูโหราศาสตร์